1. การเลือกวัสดุ: เลือกวัสดุทำความร้อนที่เหมาะสมตามการใช้งานสภาพแวดล้อมและสถานะของวัตถุทำความร้อน
2. การคำนวณกำลังไฟฟ้า : เมื่อคำนวณกำลังไฟฟ้าของเครื่องทำน้ำอุ่นแบบท่อจำเป็นต้องพิจารณาวัสดุ ขนาด ตัวกลางของไหล อุณหภูมิแวดล้อม และปัจจัยอื่นๆ ของท่อ วิธีการคำนวณโดยทั่วไปคือการกำหนดกำลังความร้อนที่ต้องการก่อน จากนั้นจึงประเมินการสูญเสียการถ่ายเทความร้อนของท่อ เลือกประเภทของเครื่องทำความร้อนที่เหมาะสม และคำนวณกำลังความร้อนที่ต้องการ
3. ความต้องการพลังงาน: กำหนดพลังงานความร้อนที่ต้องการตามการใช้งานและตัวกลางของไหล เช่น การให้ความร้อนของเหลวเพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ หรือเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อแข็งตัวที่อุณหภูมิต่ำ
4. ข้อกำหนดด้านกำลังไฟฟ้า: ข้อกำหนดด้านกำลังไฟฟ้าของเครื่องทำความร้อนแบบท่อโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นกำลังไฟฟ้าขนาดเล็ก (น้อยกว่า 1 กิโลวัตต์) กำลังไฟฟ้าขนาดกลาง (ระหว่าง 1 กิโลวัตต์ถึง 10 กิโลวัตต์) และกำลังไฟฟ้าสูง (มากกว่า 10 กิโลวัตต์) ขึ้นอยู่กับความต้องการความร้อนและลักษณะทางกายภาพของท่อ
5. ความสามารถในการปรับตัวตามสภาพแวดล้อม: เมื่อเลือกเครื่องทำความร้อน ควรพิจารณาความสามารถในการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมเฉพาะด้วย เช่น เหมาะกับโอกาสที่ป้องกันการระเบิดได้หรือมีความต้านทานแรงดันที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่
6. ผลการประหยัดพลังงาน: เมื่อเลือกเครื่องทำความร้อน ให้พิจารณาผลการประหยัดพลังงาน เช่น เครื่องทำความร้อนไฟฟ้าอินฟราเรดไกลมีผลการประหยัดพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ (มากกว่า 28%)
7. อายุการใช้งานและการบำรุงรักษา: เมื่อเลือกเครื่องทำความร้อน ควรพิจารณาอายุการใช้งานและข้อกำหนดในการบำรุงรักษาด้วยเพื่อให้มั่นใจถึงการทำงานที่เสถียรในระยะยาว
หากคุณมีความต้องการเกี่ยวกับเครื่องทำน้ำอุ่น โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา.
เวลาโพสต์: 23 ส.ค. 2567